อาบูหัสซัน ตอนที่ 4

ฟังกระแสแสนเพราะเสนาะกรรณ                                 นายหะซันตรีตรึกนึกคะนึง
                ว่าเราตื่นจริงฤาไฉนเหนอ                                                 ฤาเราเผลอเคลิ้มจิตรนิมิตรถึง
          แล้วยกหัดถ์บีดตาก้มหน้าคนึง                                          นึกตลึงลานอยู่ไม่รู้แล้ว
                ครั้นเปิดเนตรเห็นหมู่นารี                                                 ล้วนประโคมดนตรีเปนถ่องแถว
                ทั้งนิเวศน์แจ่มกระจ่างสว่างแวว                                      ด้วยแสงเนาวรัตน์จำรัสเรือง
                ดูอะไรเห็นจริงทุกสิ่งหมด                                                ก็ปรากฏแวววาวเขียวขาวเหลือง
                อาบูไม่สงไสยระคายเคือง                                 พอเรือง ๆ แสงศรีรวีวรรณ 
                      ครานั้นจึงนายเมศเรอ                                            ขุนนางใหญ่ในเธอคนขยัน
                เห็นเวลารุ่งแจ้งแสงตวัน                                                   เข้าไปปลุกนายหะซันตามโองการ
                ในแท่นทองที่อยู่อาบูหะซัน                                              อภิวันท์บาทมูลแล้วทูลสาร
                ขอพระองค์อดโทษได้โปรดปราน                                   จงประทานโทษาข้อลออง
                วันนี้เห็นพระองค์จะทรงสบาย                                        ผธมสายจนตวันผันผยอง
          หมดเวลาที่พระองค์จำนงปอง                                          ขาดคลองทางผลกุศลไป
                เวลานี้มาตยามาคอยเฝ้า                                                      พระเปนเจ้าธานีบุรีใหญ่
                เชิญเสด็จยุรยาตรคลาศไคล                                               ออกท้องพระโรงไชยว่าราชการ
                      บัดนั้นจึงนายอาบูหะซัน                                        แจ้งสำคัญเมศเรอเสนอสาร
                ยิ่งอ้ำอึ้งตลึงไปช้านาน                                                       ไม่แจ้งการเท็จจริงยังกริ่งใจ
                นี่ตัวเราก็ตื่นอยู่แน่แท้                                                         ที่จะแปรเปนฝันนั้นหาไม่
                จึ่งเอื้อนอรรถไปพลันทันใด                                              นี่คือใครมาขนานนามกร
                จึงเรียกเราว่าพระเจ้าผู้ทรงธรรม                                      อันถ้อยคำอย่างนี้มีใครสอน
                เรามิใช่ทรงธรรม์อันบวร                                                   แต่ปางก่อนไม่รู้จักเจ้าสักคราว
                แล้วพิศภักตร์ผู้ทูลมูลเหตุ                                                  แลสังเกตสูงต่ำที่ดำขาว
                ไฉนหนอเรียกนามความยืดยาว                                       จะสืบสาวอนุสนธิ์ก็จนใจ
                      บัดนั้นขุนนางในองค์เธอ                                       เมศเรอเสนาบดีใหญ่
                จึงกราบทูลไปพลันทันใด                                                  เปนไฉนพระองค์มาสงกา
                อันตัวข้าพระบาทผู้ภักดี                                                     เปนข้าพระภูมีนาถา
                ได้รับกิจราชการพระผ่านฟ้า                                             ฉลองบาทมุลิกาฝ่าธุลี
                จนท้าวเธอปองปูนเพิ่มภูลยศ                                            ปรากฏชื่อเมศเรอตำแหน่งที่
                ขอให้ข้ามีศุขสวัสดี                                                             ด้วยเดชะบารมีสืบต่อไป
          ไม่แจ้งว่าพระองค์เปนพงษ์ใด                                          ขอพระองค์ทราบใต้บทมาลย์
                อันพระองค์คือพงษ์จักรพรรดิ                                          ครองสมบัติเปนใหญ่ในราชฐาน
          เปนธงไชยฉัตรโลกอันโอฬาร                                         พระเดชดุจสุริยฉายแผ่พ่านไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น