ฟังกระแสแสนเพราะเสนาะกรรณ นายหะซันตรีตรึกนึกคะนึง
ว่าเราตื่นจริงฤาไฉนเหนอ ฤาเราเผลอเคลิ้มจิตรนิมิตรถึง
แล้วยกหัดถ์บีดตาก้มหน้าคนึง นึกตลึงลานอยู่ไม่รู้แล้ว
ครั้นเปิดเนตรเห็นหมู่นารี ล้วนประโคมดนตรีเปนถ่องแถว
ทั้งนิเวศน์แจ่มกระจ่างสว่างแวว ด้วยแสงเนาวรัตน์จำรัสเรือง
ดูอะไรเห็นจริงทุกสิ่งหมด ก็ปรากฏแวววาวเขียวขาวเหลือง
อาบูไม่สงไสยระคายเคือง พอเรือง ๆ แสงศรีรวีวรรณ ฯ
๏ ครานั้นจึงนายเมศเรอ ขุนนางใหญ่ในเธอคนขยัน
เห็นเวลารุ่งแจ้งแสงตวัน เข้าไปปลุกนายหะซันตามโองการ
ในแท่นทองที่อยู่อาบูหะซัน อภิวันท์บาทมูลแล้วทูลสาร
ขอพระองค์อดโทษได้โปรดปราน จงประทานโทษาข้อลออง
วันนี้เห็นพระองค์จะทรงสบาย ผธมสายจนตวันผันผยอง
หมดเวลาที่พระองค์จำนงปอง ขาดคลองทางผลกุศลไป
เวลานี้มาตยามาคอยเฝ้า พระเปนเจ้าธานีบุรีใหญ่
เชิญเสด็จยุรยาตรคลาศไคล ออกท้องพระโรงไชยว่าราชการ
๏ บัดนั้นจึงนายอาบูหะซัน แจ้งสำคัญเมศเรอเสนอสาร
ยิ่งอ้ำอึ้งตลึงไปช้านาน ไม่แจ้งการเท็จจริงยังกริ่งใจ
นี่ตัวเราก็ตื่นอยู่แน่แท้ ที่จะแปรเปนฝันนั้นหาไม่
จึ่งเอื้อนอรรถไปพลันทันใด นี่คือใครมาขนานนามกร
จึงเรียกเราว่าพระเจ้าผู้ทรงธรรม อันถ้อยคำอย่างนี้มีใครสอน
เรามิใช่ทรงธรรม์อันบวร แต่ปางก่อนไม่รู้จักเจ้าสักคราว
แล้วพิศภักตร์ผู้ทูลมูลเหตุ แลสังเกตสูงต่ำที่ดำขาว
ไฉนหนอเรียกนามความยืดยาว จะสืบสาวอนุสนธิ์ก็จนใจ
๏ บัดนั้นขุนนางในองค์เธอ เมศเรอเสนาบดีใหญ่
จึงกราบทูลไปพลันทันใด เปนไฉนพระองค์มาสงกา
อันตัวข้าพระบาทผู้ภักดี เปนข้าพระภูมีนาถา
ได้รับกิจราชการพระผ่านฟ้า ฉลองบาทมุลิกาฝ่าธุลี
จนท้าวเธอปองปูนเพิ่มภูลยศ ปรากฏชื่อเมศเรอตำแหน่งที่
ขอให้ข้ามีศุขสวัสดี ด้วยเดชะบารมีสืบต่อไป
ไม่แจ้งว่าพระองค์เปนพงษ์ใด ขอพระองค์ทราบใต้บทมาลย์
อันพระองค์คือพงษ์จักรพรรดิ ครองสมบัติเปนใหญ่ในราชฐาน
เปนธงไชยฉัตรโลกอันโอฬาร พระเดชดุจสุริยฉายแผ่พ่านไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น