ได้บำรุงสาสนาให้ถาวร พระเกียรติยศฤขจรจบทิศใต้
อันพระองค์ทรงระแวงแคลงพระไทย ข้าพระบาทสงไสยเปนพ้นคิด
ชรอยจะเปนด้วยพระองค์ไสยา มีความผาศุกกายสบายจิตร
ให้เคลิ้มองค์ทรงสุบินนิมิตร วิปริตปรวนแปรเปนแน่นอน
๏ ฝ่ายอาบูได้สดับซึ่งถ้อยคำ อันหลากล้ำชื่นชมสโมสร
แล้วหัวเราะพลางทางล้มตัวลงนอน เหนือบรรจฐรณ์นึกขยิ่มด้วยยินดี
แล้วหัวเราะอิกครั้งดังสนั่น เสียงเฮาะ ๆ ฮอลั่นบนแท่นที่
แสนสำราญศุขเกษมเปรมปรีดิ์ ด้วยว่ามีกระมลเบิกบาน ฯฯ
๏ จะกล่าวถึงกาหลิบภูวเรศ ทอดพระเนตรดูหะซันดังบรรหาร
ทำท่วงทีพิกูลดูลนลาน พระภูบาลทรงสำรวลสรวลคึกคัก
ครั้นว่าจะสำรวลให้จงหนัก เกรงหะซันนั้นจักได้รู้สึก
ในอุระทรงธรรม์สั่นทึกทึก พระนึกอยากใจใคร่สรวลให้พอแรง ฯฯ
๏ ครานั้นอาบูต่างภูมินทร์ ยังตรีตรึกนึกไม่สิ้นความกินแหนง
ในดวงจิตรยังคิดระแวงแคลง จึงแสร้งเรียกพวกยุนุกนั้นเข้ามา
จึงถามว่าตัวกูนี้คือใคร สูจงเร่งบอกไปไวๆ หวา
ให้ตัวกูทราบแจ้งแห่งกิจจา ให้สิ้นความกังขาบัดเดี๋ยวนี้ ฯฯ
๏ จะกล่าวถึงพวกยุนุกสิ้นทั้งหลาย น้อมกายลงประนตบทศรี
จึงกราบทูลไปพลันในทันที พระภูมีคือองค์พระทรงธรรม์
ผู้อุปถัมภ์บำรุงสาสนา เปนเจ้าโลกาส่องสรรพ์
ข้าพระบาทมิได้แสร้งแกล้งรำพรรณ ขอพระองค์ทรงธรรม์อย่าแคลงใจ ฯ
๏ อาบูได้สดับซึ่งคำทูล โดยมูลยังไม่สิ้นความสงไสย
จงตอบคำไปพลันในทันใด คนหน้าดำทำได้มาปดกู
โกหกพกลมมาเจรจา เองแกล้งกล่าวมุสาให้เคืองหู
ลวงหลอกบั้นล่ำพร่ำพรู พวกสูอย่าได้มาเจรจา
ว่าแล้วจึงเรียกนางกำนัล อันมีโฉมโนมพรรณเพียงเลขา
เชิญเจ้าเข้ามานี่หน่อยรา ตัวพี่ยาจะให้เจ้าทดลอง
แล้วยื่นหัดถ์ให้กัดซึ่งนิ้วก้อย นางสาวน้อยทำระคางเมินหมางหมอง
ชม้อยชม้ายชายเนตรสังเกตมอง ให้สบคลองไนยนานายหะซัน
อาบูเห็นแย้มยิ้มพริ้มพราย ทำแยบคายท่วงทีดูคมสัน
เจรจาลดเลี้ยวพูดเกี้ยวพัน เมียงมันดูนางไม่วางตา
แล้วแย้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสปราไส เข้าสายใจผู้ยอดเสนหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น